CHELATION THERAPY
กำจัดสารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย เพื่อฟื้นฟูหลอดเลือด และลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
ปัญหามลภาวะมลพิษในอากาศทั้งฝุ่นและเขม่าควันในปัจจุบัน ตลอดจนการปนเปื้อนของสารพิษในอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ของเล่นเด็ก และของใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน ล้วนแต่มีโอกาสทำให้ร่างกายได้รับสารโลหะหนักจากวัตถุดิบหรือกระบวนการผลิต ตลอดจนภาชนะบรรจุ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เมื่อรับโลหะหนักหรือสารพิษที่เป็นส่วนเกินเข้าสู่ร่างกาย สารเหล่านี้จะเกาะสะสมตามผนังหลอดเลือด หรือตกค้างในน้ำเลือด ทำให้เกิดปัญหาผนังหลอดเลือดอักเสบ ขรุขระ เส้นเลือดแข็งหรือตีบแคบ อุดตัน ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิตไม่ดี ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด และโรคความเสื่อมตามอวัยวะต่าง ๆ
เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว และเกิดสะสมมากขึ้นจะทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อระบบทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งสารพิษที่เป็นสาเหตุปัญหาสุขภาพนั้นมีหลายประเภท ดังนี้
- สารพิษจากสารเคมี ได้แก่ สารปรุงแต่งอาหาร (ทั้งสี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอาง เช่น แชมพู ยาย้อมผม ลิปสติก ยาทาเล็บ หรือแม้แต่ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถเข้าทางปาก ทางศีรษะ ทางผิวหนัง ผ่านเข้าทางหลอดเลือดฝอยเข้าไปสะสมในตับ
- สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว โลหะหนัก หากมีการสะสมของสารพิษประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการทางระบบสมองได้
- สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ที่สดกรอบเกินไป ภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ถุงใส่อาหารร้อน เป็นต้น
Chelation Therapy ขจัดสารพิษลดความเสี่ยงโรคร้าย
โดยการให้สารละลายที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนสังเคราะห์เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินที่สะสมตกค้างในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเรา ซึ่งเป็นอันตรายต่อผนังเซลล์และผนังหลอดเลือด เพื่อขจัดออกจากร่างกายทางระบบปัสสาวะและระบบขับถ่าย ช่วยรักษาอาการอักเสบของหลอดเลือด ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น การดีท็อกซ์สารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) เพื่อนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่สมบูรณ์สูงสุด
Chelation Therapy มีประโยชน์อย่างไร
- ขจัดสารพิษตกค้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
- กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
- บำบัดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary Arteries)
- ลดความดันโลหิต
- ลดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ลดอาการโรคภูมิแพ้
- บำบัดเส้นเลือดปลายแขน ปลายขา
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
- ลดอาการของโรคอัลไซเมอร์
- ลดปริมาณการใช้อินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน
- เพิ่มความไวในการรับสัมผัส เช่น การรับรส การมองเห็น และการได้ยิน
- ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
- บำบัดภาวะเหนื่อยเมื่อยล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome)
- ป้องกันโรคความเสื่อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนไม่ดี เช่น สมองขาดเลือดไปเลี้ยง โรคเบาหวาน ภาวะภูมิเพี้ยนต่าง ๆ เช่น รูมาตอยด์
การเตรียมตัวก่อนทำ Chelation Therapy
- ตรวจวัดระดับของโลหะหนัก และประสิทธิภาพการทำงานของไตก่อนเริ่มบำบัด
- รับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงก่อนตรวจ ไม่งดมื้ออาหาร แต่งดอาหารมัน ของทอด
- ก่อนทำ Chelation Therapy ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ระหว่างทำ ควรดื่มน้ำหรือน้ำเป็นระยะ เพื่อกระตุ้นการขับออกของสารโลหะหนัก
- นอนหลับให้เพียงพอในคืนก่อนทำ Chelation Therapy
- รับประทานวิตามินตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) แนะนำ
Chelation Therapy เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบ
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีภาวะนอนไม่หลับ อ่อนเพลีย
- ผู้ที่ตรวจพบสารพิษและโลหะหนักในร่างกายจำนวนมาก
- ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสหวานจัด มันจัด เนื้อสัตว์ ของทอด ปิ้งย่าง
- ผู้ที่มีภาวะเครียดอยู่เป็นเวลานาน
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์มาก
- สตรีที่กำลังวางแผนการตั้งครรภ์
ระยะเวลาในการทำ Chelation Therapy
ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อทำ Chelation Therapy เสร็จแล้วสามารถเดินทางกลับบ้าน และทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องนอนพัก
Chelation Therapy ควรทำบ่อยแค่ไหน
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพของหลอดเลือดโดยตรง อาจจะทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ผู้ที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว และต้องการทำเพื่อชะลอวัย อาจทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และควรทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้ง เพื่อขจัดสารพิษให้ลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยควรตรวจเลือดเพื่อวัดระดับสารพิษหลังทำครบ 10 ครั้ง เพื่อปรับแผนการรักษาตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) ให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ต่อไป