Let's PRP Activate your knee joint
Platelet-rich plasma (PRP) หมายถึง สารสกัดพลาสม่าจากเลือดของเราเอง ที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงกว่าระดับปกติ ซึ่งภายในประกอบไปด้วย Growth factor ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโต ช่วยบรรเทาอาการปวด ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการรักษาและการฟื้นฟูของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
PRP นำมาจากเลือดของผู้ป่วยเอง ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ให้ผลการรักษาในระยะยาวดีกว่าการฉีดสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งนิยมฉีดในอดีต และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์เหมือนการฉีดสเตียรอยด์ เช่น การฉีกขาดของเส้นเอ็น หรือ การฝ่อของผิวหนังบริเวณที่ฉีดสเตียรอยด์ เป็นต้น
การฉีด PRP มักต้องทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้งเพื่อให้กระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
บทความ PRP งานวิจัย
ผลการรักษา
จากงานวิจัยหลากหลายพบว่า อาจทำการฉีดเพียงครั้งเดียว หรือสามารถทำการฉีดซ้ำในบริเวณที่มีอาการบาดเจ็บเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 2-8 สัปดาห์ได้ หรือฉีดซ้ำจนกว่าอาการปวดหรืออาการอักเสบนั้นๆ หายไป ทั้งนี้เนื่องมาจากต้องให้ระยะเวลาของเซลล์และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมีเวลาในการซ่อมแซม ไม่หายเป็นปลิดทิ้งในทันทีทันใด หรืออาการหายปวดหายไปอย่างชัดเจนรวดเร็วเหมือนกับการฉีดยาต้านการอักเสบแบบสเตียรอยด์ ซึ่งทำให้แพทย์สามารถลดการใช้ยาต้านการอักเสบในผู้ป่วยที่ไม่จำเป็น หรือใช้ยามากเกินความจำเป็น วิธีการรักษาโดยพลาสมาของเราเอง หรือการให้ร่างกายซ่อมแซม สร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทนส่วนที่สึกหรอหรือบาดเจ็บได้เองนั้น นับว่าเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นับวันจะได้รับความสนใจมากขึ้น และเป็นการรักษาอีกทางเลือกหนึ่งควบคู่ไปกับการรักษาแบบมาตรฐานทั้งนี้ต้องกระทำภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมกับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
PRP ที่ Activate พิเศษอย่างไร
Activate คำนึงถึงประสิทธิภาพการรักษา, ความสะอาดปลอดภัย เป็นสำคัญ
เครื่องมือและหลอดเก็บเกล็ดเลือด จึงมีความแตกต่างจาก เครื่องมือผลิต PRP ทั่วไป 3 ประการดังต่อไปนี้
1.ได้เกล็ดเลือดเข้มข้นสูง ถึง 16-21 เท่า ให้ผลการรักษาที่ชัดเจน รวดเร็ว มากกว่า PRP ความเข้มข้นต่ำ
2.การใช้เวชภัณฑ์ที่ถูกออกแบบเป็นระบบปิด จึงสะอาดและปลอดเชื้อ ทำให้หมดกังวลเรื่องการติดเชื้อจากการฉีด PRP
3.ใช้กรรมวิธีพิเศษ กระตุ้นการทำงานของ Growth Factor ให้สูงขึ้นก่อนฉีดPRP ช่วยเร่งกระบวนการรักษาฟื้นฟูให้เห็นผลไวขึ้น
รักษาน้ำไขข้อเทียมด้วย Hyaluronic acid
Hyaluronic acid (HA) เป็นสารที่ได้จากการสกัดจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติใกล้เคียงน้ำไขข้อของคนปกติมากที่สุด การฉีด HA เข้าไปจะช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวดีขึ้น มีฤทธิ์ลดการอักเสบทำให้อาการปวดข้อลดลง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยยืนยันว่าสามารถช่วยชะละการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเทียมไปอีก 3-5 ปีทีเดียว ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับคนไข้ที่กลัว หรือยังไม่พร้อมที่จะได้รับการผ่าตัด
โดยในการฉีด Hyaluronic acid จะมีการแบ่งน้ำเลี้ยงข้อเทียมตามขนาดโมเลกุลของของยาฉีด ถ้าเป็นขนาดเล็กแพทย์มักจะฉีด 3 - 5 เข็มทุกอาทิตย์ติดต่อกัน แต่ถ้าเป็นขนาดโมเลกุลใหญ่จะฉีดเป็นครั้งเดียว คลอบคลุมอาการได้นาน 6 เดือน - 1 ปี
รักษาด้วยเกล็ดเลือด ( Platelet Rich Plasma , PRP )
การรักษาด้วยการใช้เกล็ดเลือดเป็นการนำเลือดคนไข้มาปั่นด้วยเครื่องปั้นเลือด และนำเฉพาะส่วนเกล็ดเลือดนำกลับไปฉีดในข้อเข่า ซึ่งในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้มากมายมากกว่า 10 ปี แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าได้ผล โดยเฉพาะกับข้อเข่าที่สึกเหรอในระดับความรุนแรงเกรด 3 หรือ 4 , ส่วนในระดับ 1 และ 2 การวิจัยพบว่าผลการรักษาไม่แตกต่างกับการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม
คำแนะนำก่อน-หลังฉีด PRP
1.แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้งหากมีการแพ้ยา
2.งดวิตามิน อาหารเสริม ยาบำรุงที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนฉีด 3 วัน
3.งดฉีดในผู้ป่วยที่ร่างกายติดเชื้อ มีเกล็ดเลือดต่ำผิดปกติ มะเร็ง ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
4.นอนหลับพักผ่อน ให้เพียงพอ
5.หลังฉีดอาจมีอาการชาบริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 ชั่วโมง และอาการปวด 1-2 วัน
6.สามารถรับประทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นหลังฉีดได้
7.ถ้ามีอาการปวด บวมผิดปกติ แดง ร้อน บริเวณที่ฉีดหรือมีไข้ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
8.ให้งดใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบเช่น Aspirin, Ibuprofen 3 วันหลังฉีด
9.สามารถทำกิจวัตรในชีวิตประจำวันได้ตามปกตินัดหมายแพทย์